สรุปบทความ
ดึงเด็ก "สนุกวิทย์" ด้วยการทดลองกล้วยๆ
เมื่อกล่าวถึงวิชาวิทยาศาสตร์ เด็กหลายๆคนมักจะเมินหน้าหนี เพราะถูกปลูกฝังให้เชื่อว่าเป็นวิชาที่ยากและน่าเบื่อ ความเชื่อนี้ส่งผลให้เด็กบางคนไม่ชอบเรียนวิทยาศาสตร์ไปโดยปริยาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ประโยชน์ของวิชาวิทยาศาสตร์มีมากมาย ทั้งต่อตัวเด็กเองและต่ออนาคตของประเทศชาติ จึงทำให้มีหลายประเทศทำการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ให้กลายเป็นเรื่องสนุกหวังดึงดูดใจให้เด็กหันมารักเรียนมากขึ้น"โอโนะเดร่า เทซึยะ" ผู้คร่ำหวอดในวงการการศึกษาของญี่ปุ่นและประธานกักเคน เอดเคชันแนลเปิดเผยว่า เมื่อ 10 ปีก่อนหน้านี้การเรียนวิทยาศาสตร์ของเด็กญี่ปุ่นก็ไม่ต่างจากเด็กไทย เด็กที่เรียนวิทยาศาสตร์ไม่ได้ทำการทดลองด้วยตอนเอง จึงมีการคิดค้นหลักสูตรการเรียน
"โอโนะเดร่า เทซึยะ"
ผู้คร่ำหวอดในวงการการศึกษาของญี่ปุ่นและประธานกักเคน เอดเคชันแนล เปิดเผยว่า
เมื่อ 10 ปีก่อนหน้านี้การเรียนวิทยาศาสตร์ของเด็กญี่ปุ่นก็ไม่ต่างจากเด็กไทย
เด็กที่เรียนวิทยาศาสตร์ไม่ได้ทำการทดลองด้วยตอนเอง
จึงมีการคิดค้นหลักสูตรการเรียน Science Experiment Ciassroom หรือที่เรียกว่า "ห้องเรียนทดลองวิทย์"
ซึ่งได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แบบ Edutainment ที่จะทำให้เด็กได้สาระควบคู่ไปกับความสนุก
ช่วยให้เกิดความเข้าใจและคิดวิเคราะห์ไปพร้อมๆกัน
ซึ่งเป็นวิธีการเปลี่ยนทัศนคติให้เด็กญี่ปุ่นกว่า 3 ล้านคนหันมาชอบการเรียนวิทยาศาสตร์มากขึ้น
"การเรียนตามหลักสูตรนี้จะเน้นให้ความรู้ผ่านความสนุกสนาน
เป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของเด็กๆ
หรือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ปละดึงความสนใจจากเด็กได้โดยเฉพาะการทดลองวิทยาศาสตร์ที่เด็กๆได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง
ซึ่งคุณครูจะเป็นผู้แนะนำ เด็กจึงสนุกและกระตือรือร้นในการหาคำตอบด้วยตนเอง ซึ่งต่างจากการเรียนแบบเก่าที่ครูมักจะทดลองให้เด็กดูและร่วมกันหาคำตอบ
ทำให้เด็กไม่รู้กระบวนการเกิดของคำตอบนั้นๆ
การเรียนวิทยาศาสตร์ไม่ได้มากจากความจำอย่างเดียวมันต้องอาศัยความเข้าใจด้วย
อีกอย่างเด็กจะต้องประกอบอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง และทำการทดลองด้วยตอนเอง
ทำให้เด็กได้เรียนรู้จากสิ่งที่เขาลงมือทำเอง
ซึ่งแตกต่างจากการเรียนพิเศษหรือติวเพื่อเตรียมสอบ
เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถสร้างความเข้าใจให้กับเราในเวลานั้นได้
แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริงที่เด็กได้รับจากการเรียน" โอโนะเดร่า
อธิบาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น